วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553
Siberian Husky ตอน มาตราฐาน
สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)
ต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) เป็นสุนัขสายพันธุ์แท้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย ในดินแดนไซบีเรีย สุนัขพันธุ์นี้ถูกคัดเลือกพันธุ์ขึ้นโดยชาวพื้นเมืองที่เรียกว่าชัคชิ (Chukchi) ซึ่งมีความพยายามที่จะนำสุนัขพันธุ์นี้มาใช้งาน เนื่องจากคุณลักษณะเด่นในด้านความแข็งแรง ความอดทนต่อสภาพอากาศอันหนาวจัด
และยังสามารถวิ่งฝ่าหิมะในระยะทางไกลๆได้ อีกทั้งยังนำไซบีเรียนมาใช้งานในการล่าสัตว์ หาอาหาร เฝ้ายาม และลากเลื่อนบนหิมะ และด้วยการพึ่งพาอาศัยกันเป็นระยะเวลายาวนานของชนเผ่าชัคชิกับสุนัขไซบี เรียนฮัสกี้ ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งในวัตนธรรมชนเผ่าชัคชิในที่สุด
ต่อมา ประมาณ คศ.1900 ชาวอเมริกัน อลาสก้าเริ่มได้ยินคำร่ำลือถึงสุนัขลากเลื่อนสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ในแถบไซบีเรีย และเริ่มมีการนำสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ เข้าสู่ดินแดนตะวันตกผ่านทางพ่อค้ารัสเซีย ไซบีเรียน ฮัสกี้ จึงได้เริ่มมีชื่อเสียงในหมู่อเมริกันชนมากขึ้นหลังจากชนะการแข่งขันลาก เลื่อนที่อลาสก้าในปี คศ.1909 ด้วยความสามารถในการลากเลื่อนบนหิมะเป็นระยะทาง 400 ไมล์ หลังจากนั้นการแข่ง สุนัขลากเลื่อนก็เป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเป็นเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่สามารถกวาดรางวัลชนะเลิศอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งในปี คศ.1930 Amarican Kennel Club (AKC) ก็ได้ขึ้นทะเบียนสายพันธุ์สุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้
มาตราฐานสายพันธุ์
อุปนิสัย : อารมณ์ดี เป็นมิตร เข้ากับคนแปลกหน้าและสุนัขอื่นได้ง่าย มีความตื่นตัวมาก มีพละกำลังเหลือเฟือ และต้องการการออกกำลังกายสูงส่วนหัว : มีขนาดปานกลางสมส่วนกับลำตัว หัวกะโหลกค่อนข้างกลมเล็กน้อย หัวกะโหลกระหว่างหูจะกว้าง และเรียวลงจรดตาทั้งสองข้าง
หู : มีขนาดปานกลางมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายหูมน ใบหูหนา มีขนแน่นหูตั้ง
ตา : มีลักษณะเป็นรูปกลมรี คล้ายเม็ดอัลมอนด์ อยู่หางกันพอประมาณ ตามีสีอาจมีได้หลายสี เช่น สีฟ้า น้ำตาล ดำ อัมพัน หรือตาทั้งสองข้างอาจมีสีไม่เหมือนกัน ก็ไม่ถือว่าผิดมาตรฐานสายพันธุ์
จมูก : มีสีดำ น้ำตาลเข้ม หรือสีเนื้อสำหรับสุนัขสีขาว อาจพบเส้นสีชมพูอยู่ตรงกลาง(Snow Nose)
ดั้งจมูก : มีมุมหักพอประมาณ
ปาก : ความยาวของปากมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวของหัวกะโหลก ปากมีความกว้างพอประมาณ สันปากตรง โคนปากใหญ่ และเรียวลงจรดปลายจมูก ริมฝีปากตึง มีสีเข้ม
ฟัน : ขาวสะอาด แข็งแรง ขบแบบกรรไกร
ลำตัว : มีขนาดปานกลาง เส้นหลังตรงขนานกับพื้น ความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงของลำตัวเล็กน้อย
คอ : มีความยาวปานกลาง มีลักษณะโค้ง ขณะเดิน หรือวิ่ง คอจะยืดไปข้างหน้า
ลำตัวส่วนหน้า : หัวไหล่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ แข็งแรง
อก : มีลักษณะแข็งแรง อกลึกจรดข้อศอก อกมีความกว้างพอประมาณ ไม่กว้างจนเกินไปขาหน้า : มอง จากด้านหน้าขาหน้าทั้งสองข้างตรง ห่างกันพอเหมาะ มองจากด้านข้างข้อเท้าเอียงเล็กน้อย ท่อนขาตรง ความยาวของขาจากข้อศอกถึงพื้นจะมากกว่าความยาวจากข้อศอกถึงหัวไหล่เล็กน้อย เท้ามีลักษณะกลมรี นิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น
ขาหลัง : ท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ มีกำลังมาก ข้อเท้าหลังแข็งแรง มองจากเท้าหลัง ขาหลังทั้งสองข้างตั้งตรงขนานกัน ห่างกันพอเหมาะ เท้ามีลักษณะกลมรีนิ้วเท้าชิด เท้ามีขนหนาแน่น
หาง : ตำแหน่งหางค่อนข้างต่ำ ขนเป็นพวง หางมักจะยกสูงโค้งเล็กน้อย หางไม่บิดเอียงไปทางซ้ายหรือขวา ขนหางต้องฟูแน่น คล้ายสุนัขจิ้งจอก
ขน – สี : ขนมี 2 ชั้น ขนชั้นในนุ่ม ขนชั้นนอกแข็งแนบชิดผิวหนังกันน้ำได้ ขนมีหลายสี ตั้งแต่สีดำหรือขาวล้วน
ขนาด : เป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง
น้ำหนัก : เพศผู้หนักประมาณ 45 – 60 ปอนด์ เพศเมียหนักประมาณ 35 – 50 ปอนด์
ส่วนสูง : เพศผู้สูงประมาณ 21 – 23.5 นิ้ว เพศเมียสูงประมาณ 20 – 22 นิ้ว
การเดิน – วิ่ง : เดินย่างก้าวเบา แต่มีพลัง ว่องไว คล่องตัวสูง ดูสง่างาม
ข้อบกพร่อง : หูใหญ่ หูตก หางม้วนมาก
Siberian Husky ตอน รู้จักเพื่อนหน่อย
มาทำความรู้จักกับนิสัยเจ้าไซ(Siberian Husky)
ไม่ว่าจะเป็นสุนัขสายพันธุ์ไหน ก็ย่อมจะต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งคนรักสุนัขจะต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะเลือกเลี้ยงสุนัข และใครที่กำลังจะตัดสินใจเลี้ยงน้องหมา ไซบีเรียน ฮัสกี้ เรามีข้อมูลมาให้คุณพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ เพื่อคุณจะได้รู้ถึงพฤติกรรม และอุปนิสัยของเขาก่อน ว่าคุณพร้อมที่จะดูแลพวกเขาแล้วหรือยังหากคุณคิดจะเลี้ยง สุนัข ไซบีเรียน ฮัสกี้ ขอให้เตรียมพร้อมกับการที่บ้านของคุณจะเต็มไปด้วยขน สุนัข ทั้งบริเวณพื้น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และทุกหนทุกแห่ง ด้วยเหตุนี้ หากคุณเป็นโรคภูมิแพ้ขนสุนัข หรืออยากให้บ้านของคุณดูสะอาดอยู่ตลอดเวลา ไซบีเรียน ฮัสกี้ จึงยังไม่ใช่ สุนัข ที่เหมาะกับคุณ แต่หากคุณต้องการจะเลี้ยง ไซบีเรียน ฮัสกี้ สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือการฝึกให้พวกเขา สนุกกับการแปรงขนตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข และเตรียมเครื่องดูดฝั่นไว้ให้พร้อมรับการผลัดขน ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย
ด้วยอุปนิสัยที่เป็นมิตรและ เข้ากับคนได้ง่าย ทำให้ สุนัข ไซบีเรียน ฮัสกี้ มักจะมีความสุขที่ได้นั่งและเฝ้ามองใครก็ตามที่เข้ามาและออกไปจากบ้าน ซึ่งจะเป็นเรื่องดีสำหรับบรรดาหัวขโมย เนื่องจาก สุนัข ไซบีเรียน ฮัสกี้ จะเพียงแค่ “มองดู” พวกเขาเหล่านั้นเข้ามาในบ้าน แลบลิ้นเลียอย่างเป็นมิตร และส่งหัวขโมยออกจากบ้านพร้อมกับทรัพย์สินต่างๆ ของคุณ ทั้งนี้ Siberian Husky Club of Great Britain ได้ออกมายืนยันว่า ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็น สุนัข ที่ไม่มีสัญชาตญาณในการระวังภัย และจะต้อนรับเหล่าผู้บุกรุกด้วยไมตรีเช่นเดียวกับที่ให้แขกคนอื่นๆ ของครอบครัว
ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็น สุนัขช่างเจรจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขาต้องการให้เล่นด้วย พวกเขาเป็นสุนัขที่ไม่ค่อยเห่า แต่จะชอบหอนแบบสุนัขป่า ซึ่งมีเสียงค่อนข้างดังกังวาน และมีน้ำเสียงที่แตกต่างไปตามความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจาของพูดคุยกับสุนัขบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ “คลังคำศัพท์” ซึงหมายถึงระดับเสียง ความสั้น-ยาว ในการหอนมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่เฉลียวฉลาด เคลื่อนไหวได้อย่างปราดเปรียว มีพลังอย่างเหลือล้น เขาจะใช้เวลนอนกลางวันประมาณ 3-4 ชั่วโมง และนอนในเวลากลางคืน ประมาณ 10 ชั่วโมง นอกจากนั้น คือเวลาสำหรับเล่นสนุก ซึ่งเจ้าของควรมีกิจกรรมให้เขาทำอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นการวิ่งไล่จับ กระโดดคาบของ ฟัดของเล่น หรือหากเจ้าของกลัวจะเหนื่อยก็อาจใช้จักรยานเป็นตัวช่วยเสริม การทำกิจกรรมจะช่วยลดพลังงานของเจ้า ไซบีเรียน ฮัสกี้ คลายความเบื่อหน่าย ทั้งยังเป็นการกันข้าวของในบ้านของคุณไม่ให้กลายเป็นของขบเคี้ยวแก้เซ็ง เพราะหาก ไซบีเรียน ฮัสกี้ เกิดรู้สึกเบื่อ เขาจะขุดสวนหลังบ้านของคุณจนเต็มไปด้วยหลุม ที่แย่กว่านั้น เข่าอาจจะหนีออกจาบ้านไปเที่ยวเล่นตามลำพังก็ได้
ไซบีเรียน ฮัสกี้ ไม่ใช่สุนัขที่จะอยู่ในโอวาทของเจ้าของตลอดเวลา เขาเป็นสุนัขที่รักอิสระ มีความคิดเป็นของตัวเอง การอยู่ร่วมกับ ไซบีเรียน ฮัสกี้ จึงไม่ใช่การควบคุมแบบที่เจ้านายปฏิบัติต่อลูกน้อง แต่ต้องอาศัยความผูกพันและมิตรภาพระหว่างเพื่อน ถึงแม้ว่าไซบีเรียน ฮัสกี้ จะเป็นสุนัขที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการฝึกค่อนข้างมาก แต่การฝึกโดยเสริมแรงจูงใจด้วยขนม ของว่าง คำชม หรือการให้เวลาร่วมทำกิจกรรม ก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากเจ้าของใช้ความรุนแรงก็จะทำให้ สุนัข เกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจ และเกิดอาการต่อต้านเจ้าของได้ในที่สุด
ผู้ที่เลี้ยง ไซบีเรียน ฮัสกี้ จะต้องมีพื้นที่บริเวณบ้านที่กว้างพอสมควร มีรั้วที่แข็งแรง มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เขาแอบหนีไปเที่ยวนอกบ้าน ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขรักสะอาด ไม่มีกลิ่นตัว จึงสามารถเลี้ยงในบ้านได้ ปัญหาที่พบจากการเลี้ยงในบ้านอาจมีเฉพาะช่วงผลัดขน แต่หากคุณต้องการเลี้ยง ไซบีเรียน ฮัสกี้ ไว้นอกบ้าน ทางที่ดีไม่ควรปลูกดอกไม้เล็กๆ ไว้ในสนามหญ้า เนื่องจากดอกไม้ของคุณอาจจะกลายเป็นของเล่นของเจ้า ไซบีเรียน ฮัสกี้ เจ้าหมาจอมขุดก็เป็นได้
ด้วยสัญชาตญาณนักล่าที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ความกระฉับกระเฉง และความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ไซบีเรียน ฮัสกี้ จึงควรอยู่ในสายจูงเสมอเวลาที่คุณพาเขาออกไปนอกบ้าน และจะปล่อยให้เป็นอิสระได้เฉพาะเวลาที่อยู่ในบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิดเท่า นั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆ
Siberian Husky ตอน รู้ก่อนซื้อ
10 ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจซื้อสุนัข ไซบีเรียน ฮัสกี้
1. หากรู้ว่า ตัวเองกำลังมีใจให้เจ้าหมาที่หน้าตาเหมือนหมาป่ายังกะแกะ แต่นิสัยติงต๊องสุดๆ
กรุณาอย่าเข้าใกล้ ร้านขายสัตว์เลี้ยง อ่านนิตยสารหมา หรือเข้าเว็บไซต์สัตว์เลี้ยงบ่อยๆเพราะ
กิเลสความรักเจ้าตัวแสบพันธุ์นี้ จะทวีคูณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ค่อยทราบสาเหตุ ศัพท์ชาวบ้าน
เรียกว่า “หลงรักหัวปักหัวปำ”
2. ห้ามอ่านการ์ตูนเรื่อง “ยุ่งชะมัด เป็นสัตว์แพทย์” หรือดูหนัง “Snow Dogs” เพราะคุณจะ
หลงรัก “โจบิ” และบรรดาแก๊งหมาลากเลื่อนเต็มเปา และจะเกิดอาการตามข้อแรก
3. หากยังอยากเลี้ยง และตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ โปรดเริ่มซ้อมวิ่งมาราธอน และ
วิ่งระยะสั้น อย่างน้อยวันละ 10 นาที ติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะคุณจะได้คู่หูคู่ฮาที่วิ่ง
เร็วอิ๊บอ๋ายวายป่วง หากไม่แข็งแรงพอ อาจโดนลากฝุ่นกระจาย หอบแฮ่กๆ เอาได้ง่ายๆ ใครเป็น
โรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ และอ่านคำเตือนบนสุสาน ก่อนเลี้ยงทุกครั้ง!
4. ถ้ารู้ตัวว่าบ้านรก หรือมีข้าวของเยอะแยะภายในบ้าน คุณมี 2 ทางเลือก หนึ่งคือ จัดและยกของ
ไว้สูงๆ เกินตำแหน่งที่สัตว์ประหลาด 4 ขา จะคาบได้ หรืออีกทางเลือกคือ ปล่อยตามยะถากรรม
ซึ่งเจ้าตัวแสบจะช่วยจัดการพังข้าวของคุณจนวินาศสันตะโร ซึ่งช่วยให้ของในบ้านคุณดูโล่งไปโดย
ปริยาย (เพราะมานกัดพังเรียบ ฮือๆๆๆ)
5. กรณีที่คุณมีหมาพันธุ์เล็กๆ อยู่ในบ้าน อาทิ พูเดิ้ล หรือยอร์คเชียร์ ท่านกำลังจะได้รับชมเกมกีฬาใหม่
“งับหัวแล้วเผ่น” นำแสดงโดยไซบีเรียนฮัสกี้ ซึ่งจะทำให้หมาๆ ตัวจิ๋วของคุณ เกิดอาการหวาดระแวง
ออกแนวโรคจิตหลอน จนแทบผูกคอตาย เพราะโดนก่อกวนทั้งวี่ทั้งวัน ไม่หยุดหย่อน โดยที่ไซบีเรียน
ฮัสกี้ มันจะคิดเองเออเองว่า คนอื่นกำลังเล่นอยู่ด้วย (ใช่ซะที่ไหนเล่า!)
6. ถ้ารู้ตัวว่าแพ้ขนสัตว์ หอบ หืด หรือรูจมูกตัน กรุณาหลบเลี่ยงไซบีเรียนฮัสกี้ เพราะเจ้าหมาพันธุ์นี้
ขนมันเยอะและร่วงเหมือนปุยนุ่น ร่วงไม่เว้นวันหยุดราชการ ท่านจะได้สนุกกับการใช้เครื่องดูดฝุ่นอย่าง
คุ้มค่าแทบทุกวัน T-T (หากท่านกำลังมีปัญหาดูดฝุ่น เราขอเสนอเครื่องดูดฝุ่นเทอร์โบ๋ไทเกอร์ ดูดทุก
ซอกทุกมุม หากคุณสนใจ โทรมาได้ที่ ทีวีหลอกแด๊ก ค่าจัดส่งทั่วประเทศ 02-555-5555)
7. สุภาษิต รักวัวให้ผูก รักลูก (หมา) ให้ตี ใช้กับหมาพันธุ์นี้ไม่ได้ผล อาจเพราะขนหนาตึ้บ มึนอีกต่าง
หาก แถมพอจะตีซักที (เล่นพังของทุกวัน) ก็จะออกอาการสำออยเหมือนจะตาย แล้วแอบฉวยโอกาสวิ่ง
หนีไปทำหน้าทะเล้น ฮึ่ม! ใครที่ว่าหมาพันธุ์นี้ออเซาะไม่เป็น ขอเถียงขาดใจ เวลาทำผิดมักจะแกล้งทำหน้า
บ้องแบ๊ว เหมือนเด็กถูกจับได้ว่าแอบกินหน้าขนมเค้ก แล้วค่อยๆ ตีหน้าเศร้า คลานมาอ้อนเอาหัวหนุนตรง
ตัก แล้วใครหน้าใหนจะโกรธมันลงได้อีก เฮ้ออออ...
8. จงอย่าคิดว่าหมาพันธุ์นี้จะรักบ้านช่องตัวเอง เพราะทันทีคุณเผลอเปิดประตูไม่ดูตาม้าตาเรือ เจ้าหน้าขนอาจใส่เกียร์ 5 บวกเทอร์โบสปริ้นท์ วิ่งแน่บหายไปไม่เห็นฝุ่นเอาได้ ถ้าโชคดีแค่เบาะๆ ก็อาจหาเจออีกประมาณ 500 เมตรข้างหน้า แต่ถ้าโชคร้าย มันจะกลายเป็นหมาหลงทาง อย่าไปคิดว่ามันจะเหงานะจ๊ะ บางทีมันอาจเริงร่ายิ่งกว่าเดิมก็ได้ ว่าแต่ว่า สงสัยจริงๆ หมาพันธุ์นี้มันรักเราจริงรึเปล่า (ฟะ)
9. ในกรณีที่ คุณอยู่บ้านในซอยเปลี่ยว แถวบ้านเป็นที่รกร้าง ใกล้สุสาน ป่าช้า ฮวงซุ้ย เมื่อท่านเลือกใช้
บริการไซบีเรียน ฮัสกี้ แทนที่จะได้ความอบอุ่นใจ กลายเป็นว่าอาจจะได้ความเย็นยะเยือกสันหลังทุกคืนแทน ด้วยน้ำเสียงลีลาหอนบาดใจ บรู๊วววววว์ บรู๋ววววฺ โบร๋วววววว์ ..... ทุกค่ำคืนยามดึก จะช่วยให้เงามืดในบ้าน ต้นกล้วย หรือเงากระจกในห้องน้ำ ดูเคลื่อนไหวสมจริง เกินกว่าจินตนาการ บางที หน้าต่าง ใต้เตียงของคุณ อาจมีใคร (สักคน) กำลังมาลูบหัวเจ้าหมาป่าเล่นอยู่ก็ได้ บรื๊ออส์ ....
10. แม้ว่าพ่อเจ้าประคุณจะมาจากดินแดนหนาวเย็น ใกล้ขั้วโลก ชื่นชอบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยลีลาการ
กระโดดเหยียบอ่างน้ำแล้ววิ่งเข้าบ้าน ขี้โคลนทั้งน้านนน แต่ขอโทษที จะอาบน้ำซักครั้งเหมือนพาเข้าโรงเชือด ทั้งดื้นทั้งโวยวาย แถมอาบน้ำเปลืองแชมพูจิ๊บเป๋ง อาบตัวเดียว ใช้ปริมาณน้ำเกือบเท่ากับอาบเด็กๆ ลายจุด 5 ตัว แถมเวลาเอาออกจากห้องน้ำ ห้ามเผลอปล่อยวิ่ง เพราะคุณพี่จะแอบไถลดินให้เป็นที่ปลาบปลื้มคนเลี้ยงยิ่งนัก ไม่รวมตอนหวีขนที่ต้องวิ่งไล่จับกันอีกรอบ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้เผาผลาญส่วนเกินร่างกายอย่างสนุกสนาน ?
วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553
10สายพันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก
อันดับ10 : australian cattle
อันดับ9 : rottweiler
อันดับ8 : papillon
อันดับ7 : Labrador Retriever
อันดับ6 : Shetland Sheepdog
อันดับ5 : doberman pinscher
อันดับ4 : golden retriever
อันดับ3 : german shepherd
อันดับ2 : poodle
อันดับ1 : border collie
อันดับ9 : rottweiler
อันดับ8 : papillon
อันดับ7 : Labrador Retriever
อันดับ6 : Shetland Sheepdog
อันดับ5 : doberman pinscher
อันดับ4 : golden retriever
อันดับ3 : german shepherd
อันดับ2 : poodle
อันดับ1 : border collie
วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553
ชื่ออังกฤษ Hachi
ชื่อไทย ฮาชิ..หัวใจพูดได้
ประเภทหนัง Drama/Family
ผู้กำกับ Lasse Hallström
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 11 February 2010
ความยาวหนัง Lasse Hallström
นักแสดง Richard Gere, Sarah Roemer, Jason Alexander, Joan Allen
เรื่องย่อ ฮาชิ..หัวใจพูดได้
ภาพยนตร์ อันแสนอบอุ่นประทับใจ ดัดแปลงจากภาพยนตร์ญี่ปุ่นชื่อดังที่สร้างจากเรื่องจริงของ ฮาชิโกะ สุนัขผู้ซื่อสัตย์ ทุกๆ วันฮาจิโกะ จะตามเจ้านายของมันไปที่สถานีรถไฟ และกลับมาต้อนรับเจ้านายในช่วงบ่ายหลังเลิกงาน ทว่าเมื่อเจ้านายของมันเสียชีวิตลง ฮาชิโกะก็ยังคงไปรอเจ้านายที่สถานที่เดิมตลอด เป็นระยะเวลา 9 ปี จนทำให้คนแถวนั้นซึมซับถึงความรักความผูกพันธ์ และความจงรักภักดีที่มีต่อเจ้านายของมัน…
เครดิต :http://lakorn.ohozaa.com/tag/hachi
--หนัง เรื่องนี้เป็นหนังสัญชาติอเมริกัน แต่นำเรื่องราวของตำนานสุนัขฮาจิโกะ สุนัขพันธ์อากิบะเพศผู้ที่รอคอยนายที่สถานีชิบูย่าเป็นเวลาถึง 10 ปี จนถึงวันตาย จนได้สร้างเป็นรูปปั้นฮาจิโกะที่สถานีชิบูย่า ตำนานการภักดีของฮาจิโกะเป็นที่เลื่องลือและน่าชื่นชมมากสำหรับหมาตัวหนึ่ง ที่สามารถรอคอยนายจนถึง 10 ปีโดยมาที่สถานีเพื่อรอคอยนายกลับมาทุกวันตอนเย็น จากครั้งสุดท้ายที่นายขึ้นรถไฟและไม่กลับมาอีกเลย ด้วยใจจดจ่อและหวังว่านายจะกลับมาหามันอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอด นายก็ไม่กลับมา ด้วยการรอคอยอย่างมุ่งมั่นและเพียรพยายามของมันจนวันสุดท้ายของการมีชีวิต อยู่ มันก็ยังพยายามฝืนสังขารเพื่อมารอคอยนายที่สถานีชิบูย่าเช่นเคย และ ได้ตายลงที่สถานีชิบูย่าแห่งนี้ จนกลายเป็นเรื่องราวที่ผู้คนกล่าวขานสืบๆกันมาด้วยความชื่นชมถึงความภักดี ของสุนัขตัวหนึ่งที่จะสามารถมีให้กับนายผู้เป็นที่รักของมันอย่างหมดหัวใจ รวมอายุทั้งหมด 12 ปี
หากใครที่รักสุนัขและอยากซาบซึ้งไปกับการ รอคอยอย่างพากเพียรและความภักดีของสุนัขตัวหนึ่งที่มีจิตใจแข็มแข็งไม่แพ้ กับคนอย่างเราๆ อย่าพลาดหนังเรื่องนี้ โดยใครที่รักสุนัขอยู่แล้วยิ่งไม่ควรพลาด จากการการันตีใน imdb ที่ให้คะแนนไว้ถึง 8.1/10 และ มีการเขียนบทโดยคนญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้ต้องเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราต้องเสียน้ำตาอย่างแน่ นอน
หนังเรื่องนี้เข้าที่เครือเอเพ็กซ์ในวันที่ 11 กุมภา 10
ประวัติของฮาจิโกะ
Species Dog
Breed Akita Inu
Gender Male
Born November 10, 1923
near the city of Ōdate, Akita Prefecture
Died March 8, 1935 (aged 11)
Shibuya, Tokyo
Resting place National Science Museum of Japan in Ueno, Tokyo.
Owner Hidesaburō Ueno
Appearance White
ลิงค์เกี่ยวกับ hachiko ตามข้างล่าง
http://en.wikipedia.org/wiki/Hachik%C5%8D
สุนัขมีความผูกพันธ์กับเจ้าของมากเกิน
ลักษณะที่พบได้ในภาวะที่สุนัขมีความผูกพันธ์กับเจ้าของมากเกินสุนัขที่พบว่ามีภาวะวิตกกังวลจากการแยกจากเจ้าของ หรือ separation anxiety เมื่อต้องแยกจากเจ้าของ หรืออยู่ตามลําพัง
เราเรียกว่า ภาวะที่มีความผูกพันธ์มากเกิน (hyperattachment) ลักษณะต่างๆ ต่อไปนี้เป็นลักษณะที่พบได้เสมอในสุนัขที่พบว่ามี ภาวะวิตกกังวลจากการแยกอยู่ตามลําพัง หรือต้องแยกจากเจ้าของ
• ชอบติดตามเจ้าของไปทุกที่ หรือชอบที่จะอยู่ใกล้ชิด หรือต้องได้อยู่สัมผัสกับตัวเจ้าของ (physical contact)
• สุนัขจะเริ่มรู้สึกมีความทุกข์ (กายและใจ)(distress) เมื่อต้องห่างจากเจ้าของ เช่น เดินออกไปทิ้งขยะ หรือไปตู้จดหมาย เป็นต้น
• เมื่อเจ้าของสุนัขเตรียมตัวจะออกไปนอกบ้าน สุนัขจะเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข (restlessness) หรือซึมเศร้า ( behavioral depression)
• เมื่อเจ้าของกลับเข้าบ้านสุนัขมีพฤติกรรมดีใจ รื่นเริง (exuberant behavior) หรือชอบยื้อยุดกับเจ้าของ
• สุนัขจะไม่กินอาหาร (anoretic behavior) เมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้านและกินอาหารเฉพาะเมื่อเจ้าของอยู่บ้าน
เราเรียกว่า ภาวะที่มีความผูกพันธ์มากเกิน (hyperattachment) ลักษณะต่างๆ ต่อไปนี้เป็นลักษณะที่พบได้เสมอในสุนัขที่พบว่ามี ภาวะวิตกกังวลจากการแยกอยู่ตามลําพัง หรือต้องแยกจากเจ้าของ
• ชอบติดตามเจ้าของไปทุกที่ หรือชอบที่จะอยู่ใกล้ชิด หรือต้องได้อยู่สัมผัสกับตัวเจ้าของ (physical contact)
• สุนัขจะเริ่มรู้สึกมีความทุกข์ (กายและใจ)(distress) เมื่อต้องห่างจากเจ้าของ เช่น เดินออกไปทิ้งขยะ หรือไปตู้จดหมาย เป็นต้น
• เมื่อเจ้าของสุนัขเตรียมตัวจะออกไปนอกบ้าน สุนัขจะเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข (restlessness) หรือซึมเศร้า ( behavioral depression)
• เมื่อเจ้าของกลับเข้าบ้านสุนัขมีพฤติกรรมดีใจ รื่นเริง (exuberant behavior) หรือชอบยื้อยุดกับเจ้าของ
• สุนัขจะไม่กินอาหาร (anoretic behavior) เมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้านและกินอาหารเฉพาะเมื่อเจ้าของอยู่บ้าน
ความวิตกกังวลของน้องหมาอันเนืองมาจากการแยกจากเจ้าของ
ความวิตกกังวลของน้องหมาอันเนืองมาจากการแยกจากเจ้าของ หรือเรียกว่า Separation anxiety เป็นความผิดปกติทางพฤติกรรมที่แสดงถึงความวิตกกังวล เมื่อสุนัขถูกปล่อยให้อยู่ตามลําพัง หรือต้อง
จากเจ้าของ ความผิดปกติทางพฤติกรรมลักษณะนี้พบได้ประมาณ 20-40 เปอร์เซ็นต์ในคลินิกพฤติกรรม สุนัขที่มีพฤติกรรมนี้มักจะชอบทําลายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านและส่งเสียงร้องมากเกินปกติ และที่พบได้ค่อนข้างบ่อยคือ การจับสุนัขเข้าไปไว้ในกรง อาการอื่นๆ ที่อาจจะพบได้ในกรณี separation anxiety คือ การถ่ายปัสสาวะและอุจจาระไม่เลอะเทอะ เดินไปเดินมา ไมอยู่สุข หรือขุดดินและอาจจะพบได้ว่าสัตว์มีอาการน้ําลายไหลมาก พฤติกรรมของสุนัขที่มีความผิดปกติทางพฤติกรรมดังกล่าวนี้มักจะมีความแตกต่างกันระหว่างการที่มันอยู่ตามลําพังและเมื่อมันอยู่กับเจ้าของ หรืออาจจะมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกัน บางครั้งอาจจะต้องสอบถามจากเพื่อนบ้าน หรือการบันทึกภาพเพื่อสังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติ สุนัขอาจแสดงพฤติกรรมที่แสดงถึงความวิตกกังวล เมื่อไม่มีเจ้าของเท่านั้น ทําให้เจ้าของไม่มีโอกาสทราบได้เลยว่าสุนัขของตนเองมีปัญหานี้ Separation anxiety อาจทําให้สัมพันธ์ระหว่างสุนัขกับเจ้าของเสียไป สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ การไม่ใส่ใจของเจ้าของว่าสุนัขมีปัญหาความวิตกกังวล หรือแก้ไขด้วยการนําสุนัขไปไว้ในกรง หรือฉีดยาให้ตาย
จากเจ้าของ ความผิดปกติทางพฤติกรรมลักษณะนี้พบได้ประมาณ 20-40 เปอร์เซ็นต์ในคลินิกพฤติกรรม สุนัขที่มีพฤติกรรมนี้มักจะชอบทําลายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านและส่งเสียงร้องมากเกินปกติ และที่พบได้ค่อนข้างบ่อยคือ การจับสุนัขเข้าไปไว้ในกรง อาการอื่นๆ ที่อาจจะพบได้ในกรณี separation anxiety คือ การถ่ายปัสสาวะและอุจจาระไม่เลอะเทอะ เดินไปเดินมา ไมอยู่สุข หรือขุดดินและอาจจะพบได้ว่าสัตว์มีอาการน้ําลายไหลมาก พฤติกรรมของสุนัขที่มีความผิดปกติทางพฤติกรรมดังกล่าวนี้มักจะมีความแตกต่างกันระหว่างการที่มันอยู่ตามลําพังและเมื่อมันอยู่กับเจ้าของ หรืออาจจะมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกัน บางครั้งอาจจะต้องสอบถามจากเพื่อนบ้าน หรือการบันทึกภาพเพื่อสังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติ สุนัขอาจแสดงพฤติกรรมที่แสดงถึงความวิตกกังวล เมื่อไม่มีเจ้าของเท่านั้น ทําให้เจ้าของไม่มีโอกาสทราบได้เลยว่าสุนัขของตนเองมีปัญหานี้ Separation anxiety อาจทําให้สัมพันธ์ระหว่างสุนัขกับเจ้าของเสียไป สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ การไม่ใส่ใจของเจ้าของว่าสุนัขมีปัญหาความวิตกกังวล หรือแก้ไขด้วยการนําสุนัขไปไว้ในกรง หรือฉีดยาให้ตาย
สาเหตุ
ความวิตกกังวลของสุนัขที่เกิดจากการอยู่ตามลําพัง เข้าใจว่าเป็นผลมาจากธรรมชาติทางสังคม (social nature) ของสุนัขเลี้ยง (domesticated dog) และความผูกพันธ์ของสุนัขที่มีต่อเจ้าของ หรือคนเลี้ยง สาเหตที่แท้จริงของความผิดปกติทางพฤติกรรมนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แม้ว่ามีการพยายามที่จะบอกว่ามีปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้อง มีรายงานที่แสดงให้เห็นว่ามีปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยโน้มนําทําให้เกิดความผิดปกติทางพฤติกรรมนี้ สุนัขบางพันธุ์มีโอกาสเกิดปัญหาทางพฤติกรรมนี้ได้มากกว่า นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาวะทางสังคมของสุนัข (social dependent) และการที่สุนัขถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด (infantilized dogs) อาจจะเป็นปัจจัยร่วมกันที่ทําให้สุนัขมีความผูกพันธ์กับเจ้าของมาก (excessive attachment) และไม่อาจจะทนต่อการอยู่ตามลําพังได้
ความวิตกกังวลของสุนัขที่เกิดจากการอยู่ตามลําพัง เข้าใจว่าเป็นผลมาจากธรรมชาติทางสังคม (social nature) ของสุนัขเลี้ยง (domesticated dog) และความผูกพันธ์ของสุนัขที่มีต่อเจ้าของ หรือคนเลี้ยง สาเหตที่แท้จริงของความผิดปกติทางพฤติกรรมนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แม้ว่ามีการพยายามที่จะบอกว่ามีปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้อง มีรายงานที่แสดงให้เห็นว่ามีปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นปัจจัยโน้มนําทําให้เกิดความผิดปกติทางพฤติกรรมนี้ สุนัขบางพันธุ์มีโอกาสเกิดปัญหาทางพฤติกรรมนี้ได้มากกว่า นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาวะทางสังคมของสุนัข (social dependent) และการที่สุนัขถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด (infantilized dogs) อาจจะเป็นปัจจัยร่วมกันที่ทําให้สุนัขมีความผูกพันธ์กับเจ้าของมาก (excessive attachment) และไม่อาจจะทนต่อการอยู่ตามลําพังได้
วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553
นอกเรื่องนิดนึ่ง
ยู ซัง โฮ หนุ่มน้อยจากภาพยนต์เรื่อง คุณยายผมดีที่สุดในโลก น่ารักมากๆ
MY Way Home คุณยายผมดีที่สุดในโลก หนังดีนะ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมื่อแม่ของซังวู (ดองโยฮี) พาเขาไปฝากยังบ้านของ คุณยาย (คิมยูลบุน) ที่ต่างจังหวัด ซังวู (ยูซังโฮ) เด็กน้อยวัย 7 ปีรู้ว่า นี่คือของเวลาที่ลำบากที่สุด นับตั้งแต่แม่ของเขาแยกทางกับพ่อของเขา ตั้งแต่เขายังเล็ก มันไม่ง่ายที่จะหาเลี้ยงลูกชายเพียงลำพังในเมืองใหญ่ ซึ่งดูเหมือนว่า ซังวู จะเข้าใจ และพร้อมที่จะดูแลตัวเอง ในขณะที่แม่ไปทำงานแต่ดูเหมือนชีวิตในเมืองชนบท มันดานี ช่างน่าเบื่อสำหรับเด็กที่เติบโตจากเมืองใหญ่อย่าง ซังวู มันไม่มีอะไรจะให้เขาเล่นสนุกด้วย ยายของเขาเป็นใบ้ เขาปฏิเสธทุกสิ่งที่ยายของเขาหาให้ เขาเรียกร้องที่จะกินแฮม แทนกิมจิที่ยายเตรียมไว้ เขาร้องหาโค้กแทนที่น้ำที่ยายริน ที่นี่ไม่มีโทรศัพท์ แต่มีเส้นทางชวนขนลุกเวลากลางคืน ของทางไปห้องน้ำ ที่อยู่นอกหลังคาบ้าน เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีของเล่น สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เขา พ้นจากประสบการณ์ต่างเมืองอันน่าหดหู่นี้คือ เครื่องเล่นเกมส์ และโปสการ์ดที่เขาซึ้อมาจากกรุงโซล แต่แล้วเย็นวันหนึ่ง เมื่อแบตเตอรี่ในเกมส์สุดรักหมดลง เขาขอให้ยายซึ้อแบตเตอรี่ใส่เกมส์ให้เขาใหม่ แต่เธอตอบเขาด้วยภาษาใบ้สั้นๆ ว่าเธอ “เสียใจ” เขาได้แต่คิดว่ายายคงไม่มีเงิน สำหรับซื้อแบตเตอรี่ให้เขา เขาพยายามตื้อยายทุกวิถีทาง แต่ก็ไร้ประโยชน์ จนกระทั่งเขาตัดสินใจ ที่จะขโมยปิ่นปักผมของยาย และเอาเงินที่ได้ไปซื้อแบตเตอรี่ใหม่เขาขโมยปิ่นในขณะที่ยายหลับ แล้ววิ่งออกไปตามทางของหมู่บ้าน จนกระทั่งเจอกับร้านขายของเล็กๆ แต่ที่นั่นไม่มีแบตเตอรี่แบบที่ใส่กับเกมส์ของเขาได้ ทั้งขมขื่น, ผิดหวัง และหลงทาง โชคดีที่ลุงแก่ๆ คนหนึ่ง ถีบจักรยานพาเขามาส่งที่บ้านคุณยาย ตอนที่ยายเดินออกมารับซังวู เห็นยายใช้ช้อนทองเหลืองม้วนผมยายไว้ แทนที่ปิ่นที่เขาขโมยมา แต่ดูเหมือนว่า เธอจะไม่ได้คิดว่าเขาขโมยมันไป ซังวูจึงซ่อนมันไว้ด้านหลัง และเดินตามเธอเข้าไปในบ้านบ่ายวันหนึ่ง หลังจากที่ใช้เวลายาวนานที่แสนน่าเบื่อ หมดไปกับการส่งสัญญาณมือ เพื่อบอกกับยายว่าเขาอยากกินไก่ทอด ยายหอบผักกำใหญ่ไปที่ตลาดใกล้ๆ ทันที เพื่อหาทางซื้อไก่มาให้เขา ท่ามกลางลมพายุ ในที่สุดเธอก็กลับมา พร้อมกับไก่สำหรับซังวู ด้วยความยากลำบากที่เธอพยายามทำให้แก่หลาน และความแตกต่างของชีวิต ในสังคมเมืองและสังคมชนบท สิ่งที่เธอหามาให้แก่หลาน เป็นเพียงไก่ทอด ในขณะที่สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือไก่ทอดจาก KFC เขาไม่แตะต้องไก่จานนั้น จนกระทั่งกลางดึกของคืนวันนั้น ความหิวทำให้เขาออกมากินมัน และเขาก็ร้องให้วันหนึ่งเมื่อยายของเขาล้มป่วย ซังวูพยายาม หาทางทำให้ยายของเขารู้สึกอุ่น ผ้าทุกชิ้น อาหารร้อนๆ ... และตัดสินใจคืนปิ่นปักผม ที่ขโมยมาคืนให้กับยาย ขณะเดียวกัน เขาหันไปเจอกับ ชูลอี (มินกังฮุน) เด็กผู้ชายที่กำลังไถลงมาจากเนินเขา หนีกระทิงดุที่กำลังตามขวิดเขาอยู่ พร้อมกับเด็กผู้หญิงน่ารักที่ชื่อ ฮียุน (ยิมยุนกัง)หลายวันต่อมา เมื่อยายของเขาหายดี เขาชวนยายของเขา ออกไปขายผักที่ตลาด ด้วยเงินเเพียงล็กน้อยที่ขายผักได้ เธอซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ให้ซังวู พาเขาไปทานอาหารที่ภัตตาคารอาหารจีน สั่งก๋วยเตี๋ยวให้เขา ในขณะที่เธอกินเพียงของกินเล่นและชาเขียว จากนั้นเธอส่งช็อกโกแล็ตและท๊อฟฟี่ให้กับเขา และส่งเขาขึ้นรถเมล์กลับ เขาเก็บขนมไว้ให้ยายหนึ่งอัน และยืนคอยยายอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน มันผ่านไปนาน กว่าที่เขาจะเห็นยายเดินกลับมา ทั้งถือของและเปียกชุ่ม นั่นทำให้เขาคิดได้ว่า ที่ยายส่งเขาขึ้นรถกลับบ้านคนเดียว เพราะเธอไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่ารถเมล์สำหรับสองคน เขาตรงเข้าไปช่วยยายถือของทันที และเดินกลับบ้านพร้อมยายทั้งน้ำตา พร้อมทั้งไม่ลืมที่จะใส่ขนมที่เขาเก็บไว้ ลงไปในถุงของยายเพื่อตามหาฮียุน เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขา แต่เขาเจอแต่ชูลอี และสุนัขของเขา เขาได้แต่คิดว่า ชูลอีจงใจแกล้งเขา มันทำให้เขาหงุดหงิดและเข้าไปโกหกชูลอีว่า วัวกระทิงตัวเดิมกำลังกลับมาทางเขา ชูลอีรีบวิ่งหนีสุดชีวิต และตกลงมาจากเขา พร้อมทั้งแผลเจ็บๆ และนั่นทำให้ซังวูเจอฮียุนโดยบังเอิญ และสิ่งที่ฮียุนบอกกับเขาว่า เธอก็ตามหาเขาเหมือนกัน ทำให้ซังวูรู้สึกมีความสุขทันทีวันต่อมา เขาแพ็คของเล่นใส่รถลาก ยายของเขาช่วยเอากระดาษ ห่อเครื่องเล่นเกมส์ของเขา และวางไว้บนกองของเล่น เขาเดินออกมาจากบ้าน ใส่รองเท้าคู่เก่า มองไปที่ฮียุน และแลกของเล่นทั้งหมดของเขา กับตุ๊กตาที่ฮียุนถืออยู่ เขาลากรถกลับพร้อมทั้งอุ้มตุ๊กตาไว้ในมือ บนทางชันรถลากไหล ซังวูสะดุดหกล้ม และมันทำให้เท้าของเขาเจ็บมาก ในขณะที่เขาพยายามหาอะไรมาเช็ดที่หัวเข่า มือของเขากับเจอกับบางอย่าง ที่หุ้มอยู่บนเกมส์เครื่อง ที่ยายของเขาห่อไว้ ...เงิน 1,000 วอนพับครึ่ง!!!! เพียงพอสำหรับค่าแบตเตอรี่ นั่นไม่อาจทำให้ซังวูกลั้นน้ำตา และร้องไห้เสียงดังออกมา เขาวิ่งกลับไปหาเธอ ที่ในมือถือจดหมายจากแม่ของซังวูว่า “ถึงเวลาที่ซังวูต้องกลับแล้ว” คืนนั้น เขาพยายามสอนให้ยายที่ไม่เคยรู้หนังสือ ให้เขียนจดหมายถึงเขา แน่นอนว่ายายไม่สามารถ แม้แต่จะเขียนประโยคง่ายๆ อย่าง “ฉันป่วย” หรือ “คิดถึง” บนความหมดหวัง เขาบอกกับยายทั่งน้ำตาว่า “ถ้ายายป่วย แค่ส่งโปสการ์ดเปล่าๆ ให้เขาเขาจะได้รู้” กลางดึกคืนนั้น ท่ามกลางแสงสลัว ซังวูกำลังเขียนบางอย่างอยู่และวันที่ยายหลานต้องจากกันก็มาถึง ซังวูส่งของบางอย่างให้กับยาย และรีบวิ่งขึ้นรถ และไม่เหลียวหลังกลับไป และนาทีสุดท้ายเมื่อรถออกตัว เขาก็หันกลับมาทำสัญญาณมือว่า “เสียใจ” ด้วยใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา นั่นทำให้ยายไม่อาจละสายตา มองไปที่รถจนสุดสายตา และบนมือของเธอถือโปสการ์ด 5 ใบ ทั้งหมดเขียนชื่อและที่อยู่ของซังวู และในช่องผู้ส่งเขาเขียนว่า “จากยาย” เขาวาดภาพ “ยายที่กำลังป่วย” ซึ่งบรรยายถึงยายกำลังป่วย หรือคิดถึง ภูมิปัญญาแห่งชีวิต และความผูกพัน อันเป็นประสบการณ์ล้ำค่า ที่ความแตกต่างของสังคมไม่อาจพังทลาย ความทรงจำครั้งสำคัญ ..จะยังคงอยู่กับซังวูตลอดไป...........
น่ารักมากๆเลย น่าดูมากนะ
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การดูแลบาดแผล 2
การดูแลบาดแผลปิด
1.ถ้าสุนัขมีบาดแผลปิดให้ประคบบาดแผลด้วย ความเร็วให้เร็วที่สุด โดยให้นำผ้าขนหนูผืนเล็กๆมาวางเหนือบาดแผลด้วย (เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าประคบแผลแข็งตัวติดผิวหนัง) จากนั้นนำน้ำแข็งมาวางทับไว้ 15 นาที
2.สุนัขอาจกระดูกหัก และต้องได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์โดยด่วนคุณจึงควรติดต่อสัตวแพทย์ทันที
การนำผ้าเย็นประคบบาดแผลมาวางบนบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ จะช่วยลดอาการปวดและการบวม (ดูขั้นที่ 1) อย่างไรก็ตามถ้าสุนัขปวดบาดแผลมาก ให้เลิกประคบแผล
อาการของบาดแผลเปิด
บาดแผลเปิดต้องได้รับการทำความสะอาดให้ทั่ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ คุณต้องตรวจสอบบาดแผลเปิดให้ดีเพราะถ้ามีเลือดออกเล็กน้อยหรือไม่มีเลือดออก เลย บาดแผลอาจจะเห็นไม่ชัด
อาการของบาดแผลเปิดมีดังนี้:ถ้าพบอาการข้างต้น คุณควรหาบาดแผลเปิด หากพบบาดแผลจงทำความสะอาด (ดูแผนผังด้านขวา) และโทรปรึกษาสัตวแพทย์
การดูแลบาดแผลเปิด 1.ถ้าสุนัขมีบาดแผลเปิดและไม่ใหญ่มาก ให้ดึงสิ่งสกปรกต่างๆกรวดเสี้ยน และวัตถุแปลกปลอมใดๆโดยใช้นิ้วหรือปากคีบ
2.ล้างบาดแผลด้วยน้ำเกลืออ่อนๆ น้ำสะอาดหรือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3 เปอร์เซ็นต์
3.ถ้าขนสุนัขเข้าไปอยู่ในบาดแผล ตัดขนรอบๆปากแผลให้เกลี้ยง แต่ก่อนจะตัดขน ให้หล่อเลี้ยงกรรไกรด้วยสารหล่อลื่นที่ละลายน้ำได้ วิธีนี้จะช่วยให้ขนมาติดที่กรรไกร โดยไม่ไปติดบาดแผล
Credit by : http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm
การดูแลบาดแผล 1
การดูแลบาดแผล
บวม
ผิวหนังเปลี่ยนสีเนื่องจากมีการฟกช้ำใต้ผิวหนัง
ปวด
ผิวหนังส่วนที่ปัญหาร้อนกว่าปกติ
ถ้าคุณต้องไปพบสัตวแพทย์พร้อมกับสุนัขที่ป่วย หรือได้รับบาดเจ็บ ควรระวังเรื่องการกระทบกระเทือนระหว่างการเดินทาง และการเดินทางจะต้องไม่ยิ่งทำให้เลวร้ายไปอีก ควรปกป้องบาดแผล (ถ้ามี) ด้วยอุปกรณ์ชั่วคราว และคุณต้องยิ่งระวังมากเป็นพิเศษ ถ้าคุณคิดว่าสุนัขมีการบาดเจ็บภายใน เพราะการบาดเจ็บภายในอันตรายยิ่งกว่าการบาดเจ็บที่คุณเห็นได้จากภายนอก
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน พยายามโทรหาสัตวแพทย์เพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น และบอกให้สัตวแพทย์รู้ว่าคุณกำลังเดินทางเพื่อไปรับการรักษา การทำเช่นนี้จะช่วยให้ทีมงานสัตวแพทย์มีเวลาเตรียมทุกอย่างให้พร้อม คุณควรพยายามสงบสติให้นิ่งที่สุดระหว่างการเดินทาง เพราะการตื่นตระหนกอาจเป็นอันตรายต่อการขับขี่ ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อทั้งคุณและสุนัข
คำแนะนำของสัตวแพทย์ ควรเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดว่าสุนัขอยู่ในภาวะ ช็อคหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าสุนัขมีบาดแผลปิดที่เป็นผลมาจากการถูกกระทบกระแทก ทั้งนี้อาการช็อคมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นการเยียวยาอาการช็อค รวมทั้งสาเหตุของการช็อค จึงมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
อาการของบาดแผลปิด บาดแผลปิดเห็นได้ยากกว่าบาดแผลเปิด เนื่องจากผิวหนังไม่ได้รับการเสียหาย อย่างไรก็ตาม สุนัขอาจได้รับบาดเจ็บภายในขั้นรุนแรง และต้องได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนจากสัตวแพทย์
การของบาดแผลปิดมีดังนี้:ถ้าคุณพบเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆตามอาการข้างต้น เป็นไปได้ว่าสุนัขอาจมีบาดแผลปิด คุณจึงควรโทรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
Credit by :http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm
สัญณาณที่ซ่อนเร้น 2
การตรวจสีของเหงือกและริมฝีปาก
สีเหงือกของสุนัขบ่งชี้ถึงปริมาณออกซิเจนใน กระแสเลือด สามารถตรวจสอบได้โดยเผยริมฝีปากขึ้นมาและสังเกตสีของเหงือกหรือริมฝีปากโดย ไม่ต้องพิจารณาเหงือกบริเวณที่เป็นสีดำ
เหงือกและริมผีปากของสุนัขเป็นสีอะไร? และหมายความว่าอย่างไร? Credit by :http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm
สัญณาณที่ซ่อนเร้น 1
สัญณาณที่ซ่อนเร้น
อุณหภูมิร่างกายของสุนัข อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจ คือเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญถึงสภาวะสุขภาพในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามยังมีดัชนีอยู่อีกสามอย่างที่สำคัญเท่าเทียมกันแต่มักถูกมอง ข้าม ได้แก่ สีเหงือก ระยะเวลาการคืนตัวของเส้นโลหิตฝอย (ระยะเวลาที่เลือดไหลเวียนกลับไปสู่เหงือกหลังจากสุนัขถูกกดที่เหงือก) และความยืดหยุ่นของผิวหนังตรงบริเวณคอสุนัข แต่ละดัชนีเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพของสุนัข เช่น สุนัขที่อาเจียน แต่มีสีเหงือกและมีระยะเวลาการคืนตัวของเส้นเลือดฝอยเป็นปกติ ก็ถือว่าไม่ได้มีอาการขั้นรุนแรง ในทางตรงข้าม สุนัขที่อาเจียนและมีสีเหงือกแดง น้ำเงิน ซีด หรือขาว แสดงว่ากำลังป่วยในขั้นรุนแรง ซึ่งอาจจะเสียชีวิตได้ ฉะนั้นการเฝ้าสังเกตสัญญาณเหล่านี้เป็นประจำ คุณจะสามารถทราบได้ทันทีว่า บางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับสุนัขของคุณ
การตรวจภาวะขาดน้ำ ความยืดหยุ่นของผิวหนังบริเวณส่วนบนของคอสุนัข นับเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงภาวะการขาดน้ำ สำหรับสุนัขที่สุขภาพดีเมื่อคุณดึงหนังบริเวณส่วนคอและปล่อยให้มันคืนตัว (กระบวนการนี้เรียกว่า "การทำกระโจม") ผิวหนังคืนตัวกลับไปอยู่สภาพปกติอย่างรวดเร็วในการทดสอบภาวะการขาดน้ำใน สัตว์ที่อ้วนผิดปกติหรือสูงอายุ ต้องตรวจสอบที่เหงือก ทั้งนี้สุนัขที่ขาดน้ำจะมีเหงือกแห้งและเหนียว
ถ้าผิวหนังไม่คืนตัวทันที นั่นหมายความว่าอะไร
Credit by :http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm
การดูแลเมื่อน้องหมาป่วย 3
การหยอดตา
ยารักษาปัญหาด้านดวงตาที่สัตวแพทย์ให้มา นั้น มักอยู่ในรูปของยาหยอดตาที่ต้องนำมาหยอดที่บ้าน ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด
1.ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ดวงตา โดยใช้สำลีชุบน้ำเช็ดคราบขี้ตาและสิ่งสกปรกออกไปให้หมด | 2.ควบคุมสุนัขให้อยู่นิ่ง ๆ อย่างนุ่มนวลให้สุนัขลืมตากว้าง แล้วนำขวดยามาหยอดตาจากด้านบนและด้านหลังเพื่อไม่ให้สุนัขหวาดกลัว | 3.บีบขวดยาให้ได้จำนวนหยดยาลงสู่ดวงตา ตามที่ต้องการและให้ตาชุ่มไปด้วยยา |
การดูแลเมื่อน้องหมาป่วย 2
ถ้าสัตวแพทย์จ่ายยาหยอดหูมาให้เพื่อรักษาปัญหา ที่หู คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
| ||
1.จับหัวสุนัขให้อยู่นิ่ง ๆ และเปิดหูสุนัขขึ้น แล้วสอดปลายขวดยาหยอดหูไปในทิศทางปลายจมูกสุนัข | 2.อย่าให้สุนัขสะบัดศีรษะ แล้วนำขวดยาออกมาจากหู และพับหูกลับลงมาในตำแหน่งปกติ | 3.ใช้มือนวดคลึงหูสุนัขอย่างนุ่มนวล วิธีนี้จะช่วยให้ตัวยากระจายไปทั่วหู |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)