วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นอกเรื่องนิดนึ่ง


ยู ซัง โฮ หนุ่มน้อยจากภาพยนต์เรื่อง คุณยายผมดีที่สุดในโลก น่ารักมากๆ


MY Way Home คุณยายผมดีที่สุดในโลก หนังดีนะ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น เมื่อแม่ของซังวู (ดองโยฮี) พาเขาไปฝากยังบ้านของ คุณยาย (คิมยูลบุน) ที่ต่างจังหวัด ซังวู (ยูซังโฮ) เด็กน้อยวัย 7 ปีรู้ว่า นี่คือของเวลาที่ลำบากที่สุด นับตั้งแต่แม่ของเขาแยกทางกับพ่อของเขา ตั้งแต่เขายังเล็ก มันไม่ง่ายที่จะหาเลี้ยงลูกชายเพียงลำพังในเมืองใหญ่ ซึ่งดูเหมือนว่า ซังวู จะเข้าใจ และพร้อมที่จะดูแลตัวเอง ในขณะที่แม่ไปทำงานแต่ดูเหมือนชีวิตในเมืองชนบท มันดานี ช่างน่าเบื่อสำหรับเด็กที่เติบโตจากเมืองใหญ่อย่าง ซังวู มันไม่มีอะไรจะให้เขาเล่นสนุกด้วย ยายของเขาเป็นใบ้ เขาปฏิเสธทุกสิ่งที่ยายของเขาหาให้ เขาเรียกร้องที่จะกินแฮม แทนกิมจิที่ยายเตรียมไว้ เขาร้องหาโค้กแทนที่น้ำที่ยายริน ที่นี่ไม่มีโทรศัพท์ แต่มีเส้นทางชวนขนลุกเวลากลางคืน ของทางไปห้องน้ำ ที่อยู่นอกหลังคาบ้าน เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีของเล่น สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เขา พ้นจากประสบการณ์ต่างเมืองอันน่าหดหู่นี้คือ เครื่องเล่นเกมส์ และโปสการ์ดที่เขาซึ้อมาจากกรุงโซล แต่แล้วเย็นวันหนึ่ง เมื่อแบตเตอรี่ในเกมส์สุดรักหมดลง เขาขอให้ยายซึ้อแบตเตอรี่ใส่เกมส์ให้เขาใหม่ แต่เธอตอบเขาด้วยภาษาใบ้สั้นๆ ว่าเธอ “เสียใจ” เขาได้แต่คิดว่ายายคงไม่มีเงิน สำหรับซื้อแบตเตอรี่ให้เขา เขาพยายามตื้อยายทุกวิถีทาง แต่ก็ไร้ประโยชน์ จนกระทั่งเขาตัดสินใจ ที่จะขโมยปิ่นปักผมของยาย และเอาเงินที่ได้ไปซื้อแบตเตอรี่ใหม่เขาขโมยปิ่นในขณะที่ยายหลับ แล้ววิ่งออกไปตามทางของหมู่บ้าน จนกระทั่งเจอกับร้านขายของเล็กๆ แต่ที่นั่นไม่มีแบตเตอรี่แบบที่ใส่กับเกมส์ของเขาได้ ทั้งขมขื่น, ผิดหวัง และหลงทาง โชคดีที่ลุงแก่ๆ คนหนึ่ง ถีบจักรยานพาเขามาส่งที่บ้านคุณยาย ตอนที่ยายเดินออกมารับซังวู เห็นยายใช้ช้อนทองเหลืองม้วนผมยายไว้ แทนที่ปิ่นที่เขาขโมยมา แต่ดูเหมือนว่า เธอจะไม่ได้คิดว่าเขาขโมยมันไป ซังวูจึงซ่อนมันไว้ด้านหลัง และเดินตามเธอเข้าไปในบ้านบ่ายวันหนึ่ง หลังจากที่ใช้เวลายาวนานที่แสนน่าเบื่อ หมดไปกับการส่งสัญญาณมือ เพื่อบอกกับยายว่าเขาอยากกินไก่ทอด ยายหอบผักกำใหญ่ไปที่ตลาดใกล้ๆ ทันที เพื่อหาทางซื้อไก่มาให้เขา ท่ามกลางลมพายุ ในที่สุดเธอก็กลับมา พร้อมกับไก่สำหรับซังวู ด้วยความยากลำบากที่เธอพยายามทำให้แก่หลาน และความแตกต่างของชีวิต ในสังคมเมืองและสังคมชนบท สิ่งที่เธอหามาให้แก่หลาน เป็นเพียงไก่ทอด ในขณะที่สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือไก่ทอดจาก KFC เขาไม่แตะต้องไก่จานนั้น จนกระทั่งกลางดึกของคืนวันนั้น ความหิวทำให้เขาออกมากินมัน และเขาก็ร้องให้วันหนึ่งเมื่อยายของเขาล้มป่วย ซังวูพยายาม หาทางทำให้ยายของเขารู้สึกอุ่น ผ้าทุกชิ้น อาหารร้อนๆ ... และตัดสินใจคืนปิ่นปักผม ที่ขโมยมาคืนให้กับยาย ขณะเดียวกัน เขาหันไปเจอกับ ชูลอี (มินกังฮุน) เด็กผู้ชายที่กำลังไถลงมาจากเนินเขา หนีกระทิงดุที่กำลังตามขวิดเขาอยู่ พร้อมกับเด็กผู้หญิงน่ารักที่ชื่อ ฮียุน (ยิมยุนกัง)หลายวันต่อมา เมื่อยายของเขาหายดี เขาชวนยายของเขา ออกไปขายผักที่ตลาด ด้วยเงินเเพียงล็กน้อยที่ขายผักได้ เธอซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ใหม่ให้ซังวู พาเขาไปทานอาหารที่ภัตตาคารอาหารจีน สั่งก๋วยเตี๋ยวให้เขา ในขณะที่เธอกินเพียงของกินเล่นและชาเขียว จากนั้นเธอส่งช็อกโกแล็ตและท๊อฟฟี่ให้กับเขา และส่งเขาขึ้นรถเมล์กลับ เขาเก็บขนมไว้ให้ยายหนึ่งอัน และยืนคอยยายอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน มันผ่านไปนาน กว่าที่เขาจะเห็นยายเดินกลับมา ทั้งถือของและเปียกชุ่ม นั่นทำให้เขาคิดได้ว่า ที่ยายส่งเขาขึ้นรถกลับบ้านคนเดียว เพราะเธอไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่ารถเมล์สำหรับสองคน เขาตรงเข้าไปช่วยยายถือของทันที และเดินกลับบ้านพร้อมยายทั้งน้ำตา พร้อมทั้งไม่ลืมที่จะใส่ขนมที่เขาเก็บไว้ ลงไปในถุงของยายเพื่อตามหาฮียุน เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขา แต่เขาเจอแต่ชูลอี และสุนัขของเขา เขาได้แต่คิดว่า ชูลอีจงใจแกล้งเขา มันทำให้เขาหงุดหงิดและเข้าไปโกหกชูลอีว่า วัวกระทิงตัวเดิมกำลังกลับมาทางเขา ชูลอีรีบวิ่งหนีสุดชีวิต และตกลงมาจากเขา พร้อมทั้งแผลเจ็บๆ และนั่นทำให้ซังวูเจอฮียุนโดยบังเอิญ และสิ่งที่ฮียุนบอกกับเขาว่า เธอก็ตามหาเขาเหมือนกัน ทำให้ซังวูรู้สึกมีความสุขทันทีวันต่อมา เขาแพ็คของเล่นใส่รถลาก ยายของเขาช่วยเอากระดาษ ห่อเครื่องเล่นเกมส์ของเขา และวางไว้บนกองของเล่น เขาเดินออกมาจากบ้าน ใส่รองเท้าคู่เก่า มองไปที่ฮียุน และแลกของเล่นทั้งหมดของเขา กับตุ๊กตาที่ฮียุนถืออยู่ เขาลากรถกลับพร้อมทั้งอุ้มตุ๊กตาไว้ในมือ บนทางชันรถลากไหล ซังวูสะดุดหกล้ม และมันทำให้เท้าของเขาเจ็บมาก ในขณะที่เขาพยายามหาอะไรมาเช็ดที่หัวเข่า มือของเขากับเจอกับบางอย่าง ที่หุ้มอยู่บนเกมส์เครื่อง ที่ยายของเขาห่อไว้ ...เงิน 1,000 วอนพับครึ่ง!!!! เพียงพอสำหรับค่าแบตเตอรี่ นั่นไม่อาจทำให้ซังวูกลั้นน้ำตา และร้องไห้เสียงดังออกมา เขาวิ่งกลับไปหาเธอ ที่ในมือถือจดหมายจากแม่ของซังวูว่า “ถึงเวลาที่ซังวูต้องกลับแล้ว” คืนนั้น เขาพยายามสอนให้ยายที่ไม่เคยรู้หนังสือ ให้เขียนจดหมายถึงเขา แน่นอนว่ายายไม่สามารถ แม้แต่จะเขียนประโยคง่ายๆ อย่าง “ฉันป่วย” หรือ “คิดถึง” บนความหมดหวัง เขาบอกกับยายทั่งน้ำตาว่า “ถ้ายายป่วย แค่ส่งโปสการ์ดเปล่าๆ ให้เขาเขาจะได้รู้” กลางดึกคืนนั้น ท่ามกลางแสงสลัว ซังวูกำลังเขียนบางอย่างอยู่และวันที่ยายหลานต้องจากกันก็มาถึง ซังวูส่งของบางอย่างให้กับยาย และรีบวิ่งขึ้นรถ และไม่เหลียวหลังกลับไป และนาทีสุดท้ายเมื่อรถออกตัว เขาก็หันกลับมาทำสัญญาณมือว่า “เสียใจ” ด้วยใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา นั่นทำให้ยายไม่อาจละสายตา มองไปที่รถจนสุดสายตา และบนมือของเธอถือโปสการ์ด 5 ใบ ทั้งหมดเขียนชื่อและที่อยู่ของซังวู และในช่องผู้ส่งเขาเขียนว่า “จากยาย” เขาวาดภาพ “ยายที่กำลังป่วย” ซึ่งบรรยายถึงยายกำลังป่วย หรือคิดถึง ภูมิปัญญาแห่งชีวิต และความผูกพัน อันเป็นประสบการณ์ล้ำค่า ที่ความแตกต่างของสังคมไม่อาจพังทลาย ความทรงจำครั้งสำคัญ ..จะยังคงอยู่กับซังวูตลอดไป...........



น่ารักมากๆเลย น่าดูมากนะ

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การดูแลบาดแผล 2

การดูแลบาดแผลปิด
1.ถ้าสุนัขมีบาดแผลปิดให้ประคบบาดแผลด้วย ความเร็วให้เร็วที่สุด โดยให้นำผ้าขนหนูผืนเล็กๆมาวางเหนือบาดแผลด้วย (เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าประคบแผลแข็งตัวติดผิวหนัง) จากนั้นนำน้ำแข็งมาวางทับไว้ 15 นาที
2.สุนัขอาจกระดูกหัก และต้องได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์โดยด่วนคุณจึงควรติดต่อสัตวแพทย์ทันที
การนำผ้าเย็นประคบบาดแผลมาวางบนบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ จะช่วยลดอาการปวดและการบวม (ดูขั้นที่ 1) อย่างไรก็ตามถ้าสุนัขปวดบาดแผลมาก ให้เลิกประคบแผล






อาการของบาดแผลเปิด
บาดแผลเปิดต้องได้รับการทำความสะอาดให้ทั่ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อ คุณต้องตรวจสอบบาดแผลเปิดให้ดีเพราะถ้ามีเลือดออกเล็กน้อยหรือไม่มีเลือดออก เลย บาดแผลอาจจะเห็นไม่ชัด
อาการของบาดแผลเปิดมีดังนี้:
  • สุนัขเลียหรือให้ความสนใจส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมากผิดกติ

  • มีสะเก็ดแผลใหม่ๆที่ผิวหนัง

  • ผิวหนังมีรูทะลุ

  • มีรอยเลือดบนผิวหนัง

  • เดินกะเผลก

  • ถ้าพบอาการข้างต้น คุณควรหาบาดแผลเปิด หากพบบาดแผลจงทำความสะอาด (ดูแผนผังด้านขวา) และโทรปรึกษาสัตวแพทย์
    การดูแลบาดแผลเปิด
    1.ถ้าสุนัขมีบาดแผลเปิดและไม่ใหญ่มาก ให้ดึงสิ่งสกปรกต่างๆกรวดเสี้ยน และวัตถุแปลกปลอมใดๆโดยใช้นิ้วหรือปากคีบ
    2.ล้างบาดแผลด้วยน้ำเกลืออ่อนๆ น้ำสะอาดหรือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3 เปอร์เซ็นต์
    3.ถ้าขนสุนัขเข้าไปอยู่ในบาดแผล ตัดขนรอบๆปากแผลให้เกลี้ยง แต่ก่อนจะตัดขน ให้หล่อเลี้ยงกรรไกรด้วยสารหล่อลื่นที่ละลายน้ำได้ วิธีนี้จะช่วยให้ขนมาติดที่กรรไกร โดยไม่ไปติดบาดแผล




    Credit by : http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm

    การดูแลบาดแผล 1

    การดูแลบาดแผล
    ถ้าคุณต้องไปพบสัตวแพทย์พร้อมกับสุนัขที่ป่วย หรือได้รับบาดเจ็บ ควรระวังเรื่องการกระทบกระเทือนระหว่างการเดินทาง และการเดินทางจะต้องไม่ยิ่งทำให้เลวร้ายไปอีก ควรปกป้องบาดแผล (ถ้ามี) ด้วยอุปกรณ์ชั่วคราว และคุณต้องยิ่งระวังมากเป็นพิเศษ ถ้าคุณคิดว่าสุนัขมีการบาดเจ็บภายใน เพราะการบาดเจ็บภายในอันตรายยิ่งกว่าการบาดเจ็บที่คุณเห็นได้จากภายนอก
    เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน พยายามโทรหาสัตวแพทย์เพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น และบอกให้สัตวแพทย์รู้ว่าคุณกำลังเดินทางเพื่อไปรับการรักษา การทำเช่นนี้จะช่วยให้ทีมงานสัตวแพทย์มีเวลาเตรียมทุกอย่างให้พร้อม คุณควรพยายามสงบสติให้นิ่งที่สุดระหว่างการเดินทาง เพราะการตื่นตระหนกอาจเป็นอันตรายต่อการขับขี่ ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อทั้งคุณและสุนัข
    คำแนะนำของสัตวแพทย์
    ควรเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดว่าสุนัขอยู่ในภาวะ ช็อคหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าสุนัขมีบาดแผลปิดที่เป็นผลมาจากการถูกกระทบกระแทก ทั้งนี้อาการช็อคมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นการเยียวยาอาการช็อค รวมทั้งสาเหตุของการช็อค จึงมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
    อาการของบาดแผลปิด
    บาดแผลปิดเห็นได้ยากกว่าบาดแผลเปิด เนื่องจากผิวหนังไม่ได้รับการเสียหาย อย่างไรก็ตาม สุนัขอาจได้รับบาดเจ็บภายในขั้นรุนแรง และต้องได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนจากสัตวแพทย์
    การของบาดแผลปิดมีดังนี้:
  • บวม


  • ผิวหนังเปลี่ยนสีเนื่องจากมีการฟกช้ำใต้ผิวหนัง


  • ปวด


  • ผิวหนังส่วนที่ปัญหาร้อนกว่าปกติ


  • ถ้าคุณพบเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆตามอาการข้างต้น เป็นไปได้ว่าสุนัขอาจมีบาดแผลปิด คุณจึงควรโทรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

    Credit by :http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm

    สัญณาณที่ซ่อนเร้น 3

    สัญณาณที่ซ่อนเร้น 2

     
    การตรวจสีของเหงือกและริมฝีปาก

    สีเหงือกของสุนัขบ่งชี้ถึงปริมาณออกซิเจนใน กระแสเลือด สามารถตรวจสอบได้โดยเผยริมฝีปากขึ้นมาและสังเกตสีของเหงือกหรือริมฝีปากโดย ไม่ต้องพิจารณาเหงือกบริเวณที่เป็นสีดำ
    เหงือกและริมผีปากของสุนัขเป็นสีอะไร? และหมายความว่าอย่างไร?


    Credit by :http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm

    สัญณาณที่ซ่อนเร้น 1

    สัญณาณที่ซ่อนเร้น
    อุณหภูมิร่างกายของสุนัข อัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจ คือเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญถึงสภาวะสุขภาพในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามยังมีดัชนีอยู่อีกสามอย่างที่สำคัญเท่าเทียมกันแต่มักถูกมอง ข้าม ได้แก่ สีเหงือก ระยะเวลาการคืนตัวของเส้นโลหิตฝอย (ระยะเวลาที่เลือดไหลเวียนกลับไปสู่เหงือกหลังจากสุนัขถูกกดที่เหงือก) และความยืดหยุ่นของผิวหนังตรงบริเวณคอสุนัข แต่ละดัชนีเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพของสุนัข เช่น สุนัขที่อาเจียน แต่มีสีเหงือกและมีระยะเวลาการคืนตัวของเส้นเลือดฝอยเป็นปกติ ก็ถือว่าไม่ได้มีอาการขั้นรุนแรง ในทางตรงข้าม สุนัขที่อาเจียนและมีสีเหงือกแดง น้ำเงิน ซีด หรือขาว แสดงว่ากำลังป่วยในขั้นรุนแรง ซึ่งอาจจะเสียชีวิตได้ ฉะนั้นการเฝ้าสังเกตสัญญาณเหล่านี้เป็นประจำ คุณจะสามารถทราบได้ทันทีว่า บางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับสุนัขของคุณ
    การตรวจภาวะขาดน้ำ
    ความยืดหยุ่นของผิวหนังบริเวณส่วนบนของคอสุนัข นับเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงภาวะการขาดน้ำ สำหรับสุนัขที่สุขภาพดีเมื่อคุณดึงหนังบริเวณส่วนคอและปล่อยให้มันคืนตัว (กระบวนการนี้เรียกว่า "การทำกระโจม") ผิวหนังคืนตัวกลับไปอยู่สภาพปกติอย่างรวดเร็วในการทดสอบภาวะการขาดน้ำใน สัตว์ที่อ้วนผิดปกติหรือสูงอายุ ต้องตรวจสอบที่เหงือก ทั้งนี้สุนัขที่ขาดน้ำจะมีเหงือกแห้งและเหนียว



    ถ้าผิวหนังไม่คืนตัวทันที นั่นหมายความว่าอะไร
     

     

    Credit by :http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/dog/firstaid/basicdog.htm





    การดูแลเมื่อน้องหมาป่วย 3

    การหยอดตา
    ยารักษาปัญหาด้านดวงตาที่สัตวแพทย์ให้มา นั้น มักอยู่ในรูปของยาหยอดตาที่ต้องนำมาหยอดที่บ้าน ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด
    1.ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ดวงตา โดยใช้สำลีชุบน้ำเช็ดคราบขี้ตาและสิ่งสกปรกออกไปให้หมด 2.ควบคุมสุนัขให้อยู่นิ่ง ๆ อย่างนุ่มนวลให้สุนัขลืมตากว้าง แล้วนำขวดยามาหยอดตาจากด้านบนและด้านหลังเพื่อไม่ให้สุนัขหวาดกลัว 3.บีบขวดยาให้ได้จำนวนหยดยาลงสู่ดวงตา ตามที่ต้องการและให้ตาชุ่มไปด้วยยา

    การดูแลเมื่อน้องหมาป่วย 2

    การหยอดหู
    ถ้าสัตวแพทย์จ่ายยาหยอดหูมาให้เพื่อรักษาปัญหา ที่หู คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด



        

    1.จับหัวสุนัขให้อยู่นิ่ง ๆ และเปิดหูสุนัขขึ้น แล้วสอดปลายขวดยาหยอดหูไปในทิศทางปลายจมูกสุนัข
    2.อย่าให้สุนัขสะบัดศีรษะ แล้วนำขวดยาออกมาจากหู และพับหูกลับลงมาในตำแหน่งปกติ 3.ใช้มือนวดคลึงหูสุนัขอย่างนุ่มนวล วิธีนี้จะช่วยให้ตัวยากระจายไปทั่วหู




    การดูแลเมื่อน้องหมาป่วย 1

    ขั้นตอนพื้นฐานในการป้อนยาสุนัข 
    ในหลาย ๆ กรณี สุนัขที่ป่วยจะอาการดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วขึ้น เมื่อได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้คนที่สุนัขคุ้นเคยในบ้านของตนเอง คุณควรจัดหาที่ที่สบาย แห้งและอบอุ่นให้แก่สุนัข และควรเป็นที่ที่สุนัขลุกไปขับถ่ายได้สะดวก สุนัขไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า ทำไมคุณถึงกำลังทำสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่เป็นที่พอใจแก่สุนัข ทว่าคุณก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด การพยาบาลสุนัขให้กลับคืนสู่สุขภาพปกติควรทำอย่างเอื้ออาทรให้มากที่สุดเท่า ที่จะเป็นไปได้
    การป้อนยา
    สุนัขที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บอาจจำเป็นต้อง ได้รับยาที่สัตวแพทย์สั่งจ่ายให้การป้อนยาสุนัขต้องทำอย่างนุ่มนวล ทั้งนี้การหย่อนยาลงในชามอาหารของสุนัขไม่ได้รับประกันว่าสุนัขจะกินยานั้น เข้าไปด้วย จงอย่าเรียกสุนัขให้มาหาคุณเพื่อเพียงป้อนยา มิฉะนั้นสุนัขอาจจะกลัวทุกครั้งที่ได้ยินชื่อตัวเอง วิธีที่ถูกคือ คุณควรเข้าไปหาสุนัขเอง
    การป้อนยาเม็ด
    โชคไม่ดีที่ยาสำหรับสุนัขซึ่งมีรสชาติอร่อยถูก ปากสามารถเคี้ยวได้อย่างสบายใจมีอยู่ไม่กี่ชนิด ยิ่งไปกว่านั้น ยาเม็ดส่วนใหญ่มีรสไม่พึงปรารถนาด้วยซ้ำไป และสุนัขฉลาดพอที่จะซ่อนยาไว้ในปาก เพื่อนำไปบ้วนทิ้งภายหลังเมื่อเจ้าของไม่สังเกต
    1. สั่งให้สุนัขนั่ง ใช้มือข้างหนึ่งเปิดปากสุนัขอย่างนุ่มนวล โดยจับปากสุนัขจากด้านบน
    2.ใช้มืออีกข้างหนึ่งหย่อนเม็ดยาลงไปในคอให้ ลึกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยให้วางอยู่เหนือโคนลิ้นส่วนที่โป่งขึ้นมา
    3.ใช้มือจับปากสุนัขให้ปิด และจับหัวให้เงยขึ้นช้า ๆ แล้วลูบคอลงมาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง
    4.เมื่อสุนัขกลืนยาและเลียริมฝีปาก นี่หมายความว่าการป้อนยาเสร็จเรียบร้อย และจงชมสุนัขทุกครั้งที่กินยาสำเร็จ


    การป้อนยาน้ำ

    วิธีการป้อนยาน้ำที่ถูกต้องและได้ผลดี คือ การใช้หลอดฉีดยาเป็นอุปกรณ์ช่วยป้อน ถ้าสุนัขไม่ยอมกลืนยาเม็ด คุณอาจนำยาเม็ดไปบดและผสมกับน้ำหวาน และฉีดยาน้ำเข้าไปตรงข้างปาก ทั้งนี้ยาน้ำแก้ไอก็สามารถป้อนด้วยหลอดฉีดยาได้เช่นกัน




    วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าเจ้าตูบกำลังป่วย

    วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าเจ้าตูบกำลังป่วย

    1. ลักษณะหน้าตา หัว หู และจมูก หน้าตาจะมีขี้มูก ขี้ตาเกรอะกรัง มองแววตาก็รู้ว่าไม่สดใส เศร้าหมอง หรือในบางกรณีก็มีแววตาที่แข็งกระด้าง หรือไม่มีแวว ขุ่นมัว หรือตาวาวมากกว่าปกติในกรณีของโรคพิษสุนัขบ้า - สำหรับความผิดปกติบริเวณหัว เช่น ในกรณีโรคหัด อาจจะมีอาการหนังหัวบริเวณข้างๆ หูกระตุก ซึ่งมาจากการกระตุกเป็นจังหวะของกล้ามเนื้อด้านข้างของกระโหลก การอักเสบของหู อาจจะสังเกตเห็นน้ำหนอง หรือน้ำหนวกไหลออกมาจากหู หรือเห็นหนองเกรอะกรังอยู่บริเวณรูหู ประกอบกับสุนัขอาจจะมีอาการคัน เกาหูร่วมด้วย ถ้าพบขี้หูสีดำก็มีโอกาสที่สุนัขจะติดเชื้อไรในหูสูงมาก - จมูก จะเห็นได้ชัดว่า แห้ง บางครั้งอาจจะมีสะเก็ดด้วย สุนัขปกติจะมีจมูกที่เปียกชื้น และอาจจะมีน้ำใสๆ ในรูจมูก

    2. ลักษณะของลำตัว ตามลำตัวของสุนัขป่วย อาจจะพบขนร่วงทั่วไป หรือเป็นหย่อม ผิวหนังอาจจะมีการตกสะเก็ด เป็นผื่นแดง หรือมีหนอง มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ หรือมีกลิ่นเฉพาะ หรือมองเห็นจ้ำเลือดออกใต้ผิวหนัง เห็นได้ชัดจากด้านใต้ท้อง ก็เป็นอาการบ่งบอกของโรคตับได้ชัดเจน อาจมีก้อนบวมอยู่ใต้ผิวหนังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นต้น - ท้องบวมหรือกางออก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาการที่เกิดจากมีน้ำในช่องท้อง หรือ “ท้องมาน” จะเป็นอาการของโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของตับหรือระบบเลือด และโดยมากจะบวมแต่ท้อง ส่วนอื่นอาจจะเห็นได้ชัดว่าแห้งลง แต่ถ้าบวมไปหมดก็เป็นไปได้ทั้งอ้วนจริง หรือท้องมานรวมกับบวมน้ำทั่วทั้งตัว

    3. ส่วนขาและเท้า สุนัขเดินกระเผลก เดินไม่เต็มฝ่าเท้า เป็นการบอกถึงอาการบาดเจ็บของกระดูกขา หรือข้อเท้า ข้อขา หรือบางทีการมีบาดแผลที่ฝ่าเท้าหรืออุ้งนิ้ว อาจมองเห็นเลือดไหลออกมา หรือฝ่าเท้าบวม ง่ามนิ้วของสุนัขบางทีก็เต็มไปด้วยเห็บ ทำให้สุนัขเจ็บที่บริเวณเท้าได้ การที่พบฝ่าเท้าหนาตัวในลูกสุนัข ซึ่งควรจะมีฝ่าเท้าที่นุ่มก็อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคหัดได้

    4. อวัยวะเพศ ในตัวผู้นั้น บางทีพบอาการบวมแดงของอวัยวะเพศ ส่วนใหญ่ถ้าไม่มีเลือดไหลออกมาเจ้าของจะไม่สังเกต หรืออาจสังเกตได้จากการที่สุนัขแสดงอาการเจ็บปวด เสียมากกว่าปกติ บางทีก็พบว่าอวัยวะเพศแข็งตัว ยื่นออกมาจากหนังหุ้มแล้วไม่หดกลับเข้าไป ทำให้แห้งและอาจเกิดเนื้อตายได้ ส่วนใหญ่ถ้าพบเลือดไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศ จะบ่งบอกถึงการที่สุนัขมีเนื้องอกติดต่อที่เรียกว่า Venereal Granuloma (VG) ซึ่งเป็นเนื้องอกที่เป็นมะเร็งชนิดหนึ่ง ติดต่อโดยการผสมพันธุ์ ซึ่งอาจจะมองเห็นก้อนเนื้องอกอยู่ที่อวัยวะเพศได้ไม่ยาก แต่การรักษาไม่ยากนักในปัจจุบัน การรักษาด้วยยาได้ผลเกือบ 100% - บริเวณถุงอัณฑะที่พบบ่อยคือ การอักเสบหรือการแพ้ของผิวหนังบริเวณนี้ แมลงกัดหรือต่อย เป็นสาเหตุเกือบจะ 100% ที่พบอีกอย่างหนึ่งคือ การใช้ยางรัดของรัดบริเวณโคนถุงอัณฑะ อาจจะโดยการแกล้ง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือตั้งใจที่จะตอน กรณีนี้อาจจะต้องจบลงที่การผ่าตัดเอาถุงอัณฑะทั้งถุงออก

    ใน ตัวเมีย ที่พบบ่อยคือการที่เห็นเลือด หรือน้ำสีคล้ายเลือด หรือหนองไหลออกมาจากอวัยวะเพศ ถ้าเป็นน้ำเลือดใสๆ พร้อมกับเห็นอวัยวะเพศบวมแดง อาจจะเป็นอาการปกติของสุนัขที่กำลังเป็นสัด แต่ถ้ายังมีอาการดังกล่าวนานกว่า 2 อาทิตย์ และบางทีก็เห็นก้อนเนื้อโผล่ออกมา เกือบจะทั้งหมดจะเกิดจากเนื้องอก VG และบางทีโรคนี้อาจทำให้มองเห็นเหมือนอวัยวะเพศฉีกขาด และบวมใหญ่กว่าเดิมหลายๆ เท่าได้ การรักษาก็เช่นกันกับในตัวผู้

    5. หางสุนัข สุนัขที่มีสุขภาพปกติและไม่มีอาการป่วยจะมีหางที่แกว่งไปมาไม่ใช่หางตกอยู่ ระหว่างขาตลอด และบางทีก็พบว่า หางสุนัขเป็นบริเวณที่เกิดโรคผิวหนัง หรือขี้เรื้อนได้บ่อย และบางทีก็เป็นบริเวณแรกที่เกิดโรค อาการและพฤติกรรมที่ผิดไปจากที่เคยเป็น

    6. อุณหภูมิร่างกาย สุนัขปกติจะมีอุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 101-102 OF ซึ่งจะเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่าอุณหภูมิปกติของมนุษย์มาก (97 OF) ทำให้เป็นการยากที่จะใช้การจับต้องบริเวณร่างกายของสุนัข และบอกได้ว่าสุนัขเป็นไข้ การวัดอุณหภูมิสุนัขต้องใช้การวัดโดยเทอร์โมมิเตอร์ที่บริเวณก้น ถ้าสุนัขมีไข้อุณหภูมิจะสูงกว่า 102.5 OF

    7. ความอยากอาหาร การที่สุนัขไม่ยอมกินอาหาร หรือกินน้อยลง หรือบางทีรวมทั้งน้ำด้วย หรือหมดความกระตือรือร้นที่จะกินอาหาร จะเป็นสัญญาณบอกว่าสุนัขป่วย หรือเริ่มป่วย

    8. การอาเจียน การสังเกตการอาเจียนเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดการอาเจียน ก็แน่นอนว่าสุนัขป่วย แต่ต้องสังเกตให้รู้ด้วยว่าอาเจียนทันทีหลังอาหาร หรือไม่ได้กินอาหารก็อาเจียน รวมทั้งลักษณะของอาเจียนที่ออกมาว่าเป็นอย่างไร มีสีอะไร เพื่อที่จะได้ไปบอกสัตว์แพทย์เวลานำสุนัขไปรักษา เพื่อการวินิจฉัยที่ง่ายขึ้น และทันต่อเวลา

    9. อุจจาระ อาการอุจาระร่วง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ หรือถ่ายเป็นมูก เป็นความผิดปกติแน่นอน แต่เจ้าของจะต้องสังเกตด้วยว่าอุจจาระที่ออกมามีลักษณะอย่างไร มีเลือดปนหรือไม่ เป็นมานานแค่ไหน หรือหลังจากกินอะไรเข้าไป ในทางตรงข้ามอาการท้องผูกเจ้าของก็ต้องสังเกตลักษณะอุจจาระเพื่อบอกสัตว์ แพทย์เหมือนกัน

    10. ปัสสาวะ อาการของสุนัขที่กำลังปัสสาวะก็บ่งบอกความผิดปกติได้เช่นเดียวกับลักษณะ ปัสสาวะที่ออกมา การที่สุนัขปัสสาวะลำบากหรือด้วยความเจ็บปวด ความถี่ของการปัสสาวะ ลักษณะของปัสสาวะที่ออกมาซึ่งบางทีก็มีเลือดปน เป็นการบอกถึงสุนัขกำลังเป็นนิ่ว หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบก็ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นกับสุนัขตัวผู้มากกว่าตัวเมีย

    11. อารมณ์ การตอบสนอง การที่เราเรียกสุนัขแล้วไม่ตอบสนอง หรือจำชื่อตัวเองไม่ได้ การที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ดุหรือเห่าอย่างที่ไม่เคยเป็น ก็เป็นอาการบ่งบอกถึงอาการผิดปกติทางสมองได้ เช่น โรคหัด หรือพิษสุนัขบ้า

    12. การเดิน การวิ่ง การวิ่งการเดินที่ผิดปกติ นอกจากจะบอกถึงความผิดปกติที่โครงสร้างของกระดูก หรือกล้ามเนื้อแล้ว บางทีก็เป็นอาการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบประสาท เช่น โรคหัด หรือพิษสุนัขบ้าได้

    พฤติกรรมของน้องหมา

    พันธุ์น้องหมา 4

    ฟเร็นช บลูด็อก
    ไม่มี สุนัขพันธุ์ใดในโลกนี้เหมือนเขาจะเห่าและขู่บ้าง แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา

    มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์
    กล้าหาญและเป็นมิตร...เอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Miniature Schnauzer เขาหละ

    ยอร์คเชียเทอร์เรีย
    สุนัข พันธุ์นี้เป็นสัตว์เลี้ยงแฟชั่นในสมัยสมเด็จพระนางวิคตอเรียสุนัขพันธุ์นี้ เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์

    เยอรมันเช็พเพอด
    มีถิ่น กำเนิดในประเทศเยอรมัน มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อัลเซเชี่ยน" มีบุคลิกที่เด่นชัดคือ มีการแสดงออกถึงความไม่หวาดหวั่นแต่ก็ไม่ก้าวร้าว

    เวสต์ไฮด์แลนด์ไวท์ เทอเรียร์
    สุนัขพันธุ์นี้มีขนาดเล็ก ชอบความสนุกสนาน ร่างกายมีความสมดุล ไม่หวงตัวมาก มีโครงสร้างร่างกายที่ดี แข็งแรง

    หลังอาน
    สุนัขไทยหลังอาน เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย จึงจัดเป็นสุนัขพื้นเมืองในบริเวณดังกล่าว

    อเมริกัน ค็อกเกอร์
    ลักษณะ ท่าทางโดยทั่วไป เป็นสุนัขขนาดกลาง มีอุปนิสัยร่าเริง แจ่มใสตลอดเวลา

    Credit by :http://women.sanook.com/pets/breed/dogs2.php

    พันธุ์น้องหมา 3

    พุดเดิ้ล
    สุนัขพันธุ์นี้สืบ เชื้อสายมาจากพันธุ์ Water Retriever จึงมีความสามารถพิเศษในการว่ายน้ำ Poodle มี 3 ขนาด โดยมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป

    มอลทีส
    มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบ ทะเลเมอร์ดิเตอริเนียน ในสมัยโบราณมักนิยมเขียนเรื่องราวของสุนัขพันธุ์นี้เนื่องจากเป็นที่นิยม เลี้ยงของผู้คนสมัยนั้น

    มินิเจอร์ พินเชอร์
    มี ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเยอรมันนี เมื่อหลายร้อยปีก่อน มีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์ Doberman แต่มีขนาดเล็กกว่า

    ร็อทไวเลอร์
    ด้วยอกที่กว้าง ใหญ่ และร่างกายที่ปราศจากไขมันและมีแต่กล้ามเนื้อ ให้ความรู้สึกถึงพละกำลัง มันเป็นสุนัขที่อ่อนโยน ล่ำสัน แม้จะแลดูใหญ่โต

    ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
    ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้นอกจากจะใช้ในการล่าสัตว์แล้ว ยังใช้ในการตรวจค้นหายาเสพติด ระเบิด และช่วยนำทางให้กับผู้พิการทางสายตาอีกด้วย

    สแตฟฟอร์ดเชียร์ เทอร์เรียร์
    ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงร่วมกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ และถ้าเลี้ยงร่วมกับเพศเดียวกันก็จะเกิดการต่อสู้กัน

    อาฟกันฮาวด์
    ด้วยรูปร่างที่ สูงโปร่งและลักษณะของขนที่ยาวสลวยจึงทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขที่สง่า งาม ดูแล้วเป็นสุนัขที่มีความคลาสสิกในตัวมาก

    Credit by :http://women.sanook.com/pets/breed/dogs2.php

    พันธุ์น้องหมา 1

    น้องหมาสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก

    โกลเด้น รีทรีฟเวอร์

    golden retriever ลักษณะทุกอย่างของสุนัขพันธุ์นี้ส่อให้เห็นถึงท่าทีอันสุภาพเป็นมิตร สุนัขพันธุ์นี้จึงเป็นที่นิยมไปทั่วทุกมุมโลก


    ****************************************************
    แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย

    สายพันธุ์ Terrier จะใช้ในการล่าสัตว์และติดตามเหยื่อ หลังจากที่เหยื่อโดนสุนัขในกลุ่ม Hound ไล่ต้อนมาก่อนหน้านี้แล้ว

    ****************************************************

    ชิวาวา

    Chihuahau สุนัขพันธุ์นี้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 มีถิ่นกำเนิดในดินแดนที่เป็นประเทศเม็กซิโก

    ****************************************************

    เชา เชา

    เชา เชาเป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น มีประวัติศาสตร์สายพันธุ์มายาวนาน กว่า 2000 ปี



    ****************************************************
    เซนต์เบอร์นาร์ด

    เป็นสุนัขที่มีขนาดใหญ่ที่สุด น้ำหนักมากที่สุดแต่ใจดีที่สุด ตามสมญานามเรียกขานว่า สุนัขนักบุญ


    ****************************************************
    ดัชชุนด์

    สุนัขที่อยู่ในกลุ่มฮาวด์มีรูปร่างที่กระทัดรัด ฉลาด ขี้ประจบ ลำตัวยาวดูแปลกตาจึงเป็นที่รู้จักกันในนาม "สุนัขไส้กรอก"
     

    ****************************************************

    บางแก้ว

    สุนัขสายพันธุ์ไทย มีถิ่นกำเนิดที่บ้านบางแก้ว อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และเชื่อว่าเกิดจากการผสมกันระหว่างสุนัขไทยกับสุนัขจิ้งจอก



    ****************************************************

    บีเกิล

    BEAGLE...born to be best friend!!..ขึ้นชื่อในเรื่องของความเฉลียวฉลาด ซุกซน คล่องแคล่วว่องไว



    ****************************************************

    บลูเทอร์เรีย

    เป็นนักสู้ที่อ่อนหวานโดยธรรมชาติ เป็นนักสู้ที่ใจถึง เป็นสุนัขอารักขาที่กระฉับกระเฉง รักครอบครัวและอาณาเขตของเขาโดยสัญชาติญาณ ดัลเมเชียน



    ****************************************************

    บรัสเซ็ลส กริฟฟอน

    Brussels Griffon เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็กมี 2 ชนิด คือชนิดขนยาวและขนสั้น ชนิดขนสั้นเกิดจากการผสมพันธุ์ข้ามพันธุ์สุนัขพันธุ์ปั๊ก ปอมเมอเรเนียน



    ****************************************************

    ปักกิ่ง

    พันธุ์ปักกิ่งเกิดขึ้นมานานแล้วเป็นเวลาหนึ่งหรือสองพันปีขึ้นไป ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นจะคล้ายคลึงกับสุนัขขนาดเล็กของจีนยุตโบราณ ปั๊ก




    Credit by :http://women.sanook.com/pets/breed/dogs.php

    1 2 >